กลายเป็นอีกเรื่องน่าตกใจ และได้กลายเป็นที่จับตามองของเหล่าแฟนคลับ และผู้ติดตามบนบัญชีอินสตาแกรม Kensingtonroyal หากใครได้สังเกต (ในช่วงเมื่อคืนก่อน) ก็จะพบว่า จำนวนผู้ติดตามบนอินสตาแกรมดังกล่าวนั้น ลดฮวบไปถึงกว่า 150,000 ผู้ติดตาม จนกลายเป็นที่จับตามองว่า เพราะเหตุใดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้...
หากล่าสุด ได้มีรายงานจากสำนักข่าวออนไลน์ Mirror ออกมาแล้วว่า บัญชีอินสตาแกรมของราชวงศ์ ซึ่งเป็นบัญชีอินสตาแกรมที่เอาไว้นำเสนอข่าว และเรื่องราวอย่างเป็นทางการของสมาชิกราชวงศ์ทั้งเมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์, เคต มิดเดิลตัน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์, เจ้าชายแฮร์รี่ และเจ้าชายวิลเลียม ที่ตอนนี้มีจำนวนผู้ติดตามหล่นลงมาอยู่ที่ 7.1 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยลงกว่าที่เคยเป็นอย่างน่าใจหายพอสมควรนั้น เป็นอีกหนึ่งบัญชีอินสตาแกรมจากบัญชีอินสตาแกรมอีกนับพันบัญชี ที่ได้สูญเสียผู้ติดตามไป ซึ่งเดิมทีนั้นหลายคนยังคิดว่า การสูญเสียจำนวนผู้ติดตามในครั้งนี้ อาจจะเป็นผลกระทบมาจากการจัดการบัญชีปลอมบนโลกโซเชียลมีเดียขององค์กรอินสตาแกรมก็เป็นได้
ภาพ : Getty Images
ดังที่โฆษกขององค์กรอินสตาแกรมได้ออกมาให้ข้อมูลกับสำนักข่าว Mirror ว่า "ตอนนี้ เราตระหนักถึงปัญหาที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อจำนวนผู้ติดตามบนบัญชีอินสตาแกรมของหลายๆ คน และตอนนี้พวกเรากำลังดำเนินการแก้ไขให้เร็วที่สุดอยู่” หากไม่เพียงบัญชีอินสตาแกรมของราชวงศ์อย่าง kensingtonroyal เท่านั้น ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ แต่ยังรวมไปถึงบัญชีอินตาแกรมที่มีชื่อเสียงอีกหลายบัญชีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Katy Perry, Ariana Grand, Kylie Jenner ไปจนถึงแบรนด์ Nike เองก็ตามก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน…
และเมื่อได้ย้อนกลับไปในช่วงเดือนพฤศจิกายน เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา ที่เรายังเคยได้ยินบทสัมภาษณ์ขององค์กรอินสตาแกรมว่า องค์กรอินสตาแกรมกำลังจะเริ่มจัดการกับบัญชีอินสตาแกรมปลอม และยอดจำนวนของผู้ติดตามบนบัญชีอินสตาแกรมที่ได้มาจากการซื้ออีกด้วย โดยในบทสัมภาษณ์นั้น มีใจความว่า "ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนของการสร้างเครื่องมือการเรียนรู้ เพื่อตรวจจับบัญชีปลอม อีกทั้งยังต้องช่วยลบกิจกรรมบนแพลตฟอร์มของเราที่ผิดกฏหมาย และไม่สมควรออกไปอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับแพลตฟอร์มของเรา อีกทั้งบางครั้งการกระทำเหล่านี้ยังผิดกฎหมายอีกด้วย”
ถึงแม้ว่าตอนนี้จำนวนยอดผู้ติดตามบนบัญชีอินสตาแกรมของหลายบัญชีได้กลับมาเป็นเช่นเดิมแล้ว หากผลกระทบในครั้งนี้ ทางอินสตาแกรมก็ได้ออกมายอมรับแล้วว่า เป็นเพราะระบบการจัดการที่เข้มงวดมากขึ้นขององค์กรอินสตาแกรม เพื่อการเชื่อมต่อของผู้คนที่ใช้อินสตาแกรมอย่างถูกต้องมากขึ้นในอนาคตนั่นเอง
