เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยเห็นคำว่า "AHA BHA PHA และ LHA" ผ่านตากันมาบ้างแล้วในส่วนของชื่อส่วนผสมบนฉลากสกินแคร์ ซึ่งรู้จักในนามส่วนผสมที่มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวให้กระจ่างใสขึ้น แต่สาวๆ เคยสงสัยกันไหมว่าเจ้าส่วนผสมทั้งเหล่านี้คืออะไร ทำหน้าที่แตกต่างกันอย่างไร และเหมาะกับใคร เพื่อไขข้อสงสัยทั้งหมด โว้กบิ้วตี้จึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ AHA BHA PHA และ LHA ให้มากขึ้นกันค่ะ
-
AHA (Alpha Hydroxy Acid)
หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อกรดผลไม้ โดยสามารถละลายได้ดีในน้ำจึงทำงานได้เฉพาะบนพื้นผิวชั้นนอก เหมาะสำหรับคนผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง นอกจาก AHA จะทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวแล้ว ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นหนังแท้ ซึ่งช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ พร้อมปรับผิวกระจ่างใสขึ้นด้วย
-
BHA (Beta Hydroxy Acid)
เป็นสารผลัดเซลล์ผิวเช่นเดียวกับ AHA แต่แตกต่างกันตรงที่ BHA สามารถละลายในน้ำมันได้ เพราะฉะนั้นจึงสามารถซึมลงในรูขุมขนเพื่อผลัดเซลล์ผิว ปรับสภาพรูขุมขนให้เล็กลง ลดการอุดตันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อนๆ ช่วยลดการอักเสบและอุดตันของสิวได้ ซึ่งเหมาะกับคนผิวมันเป็นอย่างยิ่ง
-
PHA (Poly Hydroxy Acid)
ทำหน้าผลัดเซลล์ผิวคล้ายกับ AHA และ BHA แต่แตกต่างกันตรงที่ PHA มีโมเลกุลที่ใหญ่กว่า จึงซึมลงสู่ผิวได้ไม่ดีเท่า AHA และ BHA ทำให้ประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวลดลงและเห็นผลช้า แต่ข้อดีของ PHA คือก่อความระคายเคืองได้น้อยกว่า จึงเหมาะสำหรับสาวๆ ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายนั่นเอง
-
LHA (Beta-Lipohydroxy Acid)
เป็นอนุพันธ์ของ BHA เนื่องจากมีสารประกอบของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ที่มีประสิทธิภาพในผลัดเซลล์ผิว ช่วยรักษาสิว ป้องกันการเกิดสิว และลดการอุดตัน จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาสิว รูขุมขนกว้าง และผิวมัน
เมื่อรู้ประสิทธิภาพและหน้าที่ในการทำงานของ AHA BHA PHA และ LHA แล้ว สาวๆ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองนะคะ นอกจากจะไม่เสี่ยงหน้าพังแล้ว ยังช่วยทำให้ผิวใสไร้สิวด้วย
