"มอยส์เจอไรเซอร์" เป็นไอเท็มสกินแคร์สุดเบสิกที่ทุกคนควรมีติดบ้าน เพื่อช่วยบำรุงผิวในขั้นต้นก่อนนำไปสู่การบำรุงอย่างล้ำลึกในขั้นตอนต่อไป แน่นอนว่าคุณสมบัติหลักของมอยส์เจอไรเซอร์คือการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มน้ำ ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ นอกเหนือจากนี้จะเป็นการช่วยเข้าตรงแก้ปัญหาผิวต่างๆ อย่างเรื่องสิว จุดด่างดำ ริ้วรอย เป็นต้น ฉะนั้นการเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของตนเองก็ย่อมช่วยทำให้ผิวแข็งแรง ดูสุขภาพดีขึ้นอย่างแน่นอน
ผิวแห้ง
เป็นผิวที่ต้องการน้ำมากที่สุด ฉะนั้นควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีลักษณะเป็นเนื้อครีมและมีส่วนผสมของกลีเซอรีนและกรดไฮยาลูรอนิก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและช่วยเคลือบผิวให้คงสภาพความชุ่มชื้นไว้อย่างยาวนาน แนะนำว่าควรเป็นสูตร Oil-Based ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์จะยิ่งทำให้ผิวแห้งเร็วมากขึ้น

Aiming Cream จาก THREE (ราคา 5,200 บาท)
1 / 3

Hydra Beauty Crème จาก Chanel (ราคา 3,100 บาท)
2 / 3

Hyalogy P-Effect Nourishing Cream จาก Forlle'd (ราคา 6,490 บาท)
3 / 3
ผิวมันและผิวผสม
ส่วนผสมที่เหมาะสุดสำหรับมอยส์เจอไรเซอร์ของสาวผิวมันคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก Water-Based ซึ่งเป็นมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับคนผิวมันที่มีส่วนผสมของน้ำและปราศจากน้ำมัน จึงช่วยให้ผิวคงสมดุลของน้ำไว้ในผิวอย่างสม่ำเสมอ ไม่แห้งหรือมันจนเกินไป ซึ่งถ้าพูดเรื่องเนื้อสัมผัสคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเนื้อเจลใสหรือเจลครีม เพราะสามารถซึมซาบได้ง่าย ไม่ตกค้างอยู่บนผิวให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ

Aqualia Volcano Drop จาก Vichy (ราคา 1,300 บาท)
1 / 3

Cold Plunge™ Pore Refining Moisturizer จาก Ole Henriksen (ราคา 1,700 บาท)
2 / 3

Moisture Surge™ 100-Hour Auto-Replenishing Hydrator จาก Clinique (ราคา 1,950 บาท)
3 / 3
ผิวแพ้ง่ายและบอบบาง
ควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีสารปรุงแต่งอย่างน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน ที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองมากกว่าเดิม ควรมองหาส่วนผสมดีๆ อย่างเซราไมด์หรือวิตามินบี 3 (ไนอาซินาไมด์) ที่จะช่วยเสริมส้รางปราการให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดอาการแดงจากผื่นคันและการระคายเคือง
ผิวเป็นสิวง่าย
สำหรับมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสำหรับผิวเป็นสิว ควรเลือกที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิกที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป ป้องกันการเกิดสิวใหม่ รวมถึงสารสกัดดอกดาวเรืองและสารสกัดจากใบบัวบก (Cica) ที่ช่วยปลอบประโลมผิวจากการอักเสบของสิว และไม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ พาราเบนและน้ำหอม

Ctrl-A Teatreement™ Moisturizer จาก Dr.Jart+ (ราคา 1,000 บาท)
1 / 3

Cica Soothing Moisture Gel จาก Mizumi (ราคา 690 บาท)
2 / 3

Calendula Serum Infused Water Cream จาก Kiehl's (ราคา 1,800 บาท)
3 / 3
ผิวที่มีริ้วรอยหย่อนคล้อย
แนะนำว่าให้เลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยส่งเสริมการฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ชั้นผิวอย่างเรตินอล เพราะเป็นตัวช่วยที่จะต่อต้านสัญญาณของริ้วรอยต่างๆ ทำให้ริ้วรอยและร่องลึกดูเรียบเนียนและตื้นขึ้น รวมถึงเรียกคืนความหย่อนคล้อยให้กลับมาดูเต่งตึงอีกครั้ง

Skin-Tightening Cream จาก Kanebo (ราคา 6,500 บาท)
1 / 3

Ferulic + Retinol Anti-Aging Moisturizer จาก Dr.Dennis Gross (ราคา 2,620 บาท)
2 / 3

Future Solution LX Total Protective Cream E จาก Shiseido (ราคา 11,500 บาท)
3 / 3
ผิวหมองคล้ำ
ปรับสีผิวไม่สม่ำเสมอที่เกิดจากการความหมองคล้ำและจุดด่างดำต่างๆ ด้วยส่วนผสมของวิตามินซีและกรดผลไม้ (AHA) ที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่ตายแล้วออกไป เผยผิวกระจ่างใสกว่าเดิม พร้อมปรับสีผิวให้เรียบเนียน

Diorsnow Brightening Refining Moist Cloud Crème จาก Dior (ราคา 4,200 บาท)
1 / 3

Bright Healthy Radiance Brightening จาก Cetaphil (ราคา 1,350 บาท)
2 / 3

Clarifique Brightening Plumping Milky Cream จาก Lancome (ราคา 4,000 บาท)
3 / 3
