วิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) เป็นวิตามินละลายในน้ำ โดยวิตามินบีรวมประกอบไปด้วยวิตามินบีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น Vitamin B1, B2, B3, B5, B6, B7, B9 และ B12 โดยมีคุณสมบัติหลักๆ ในการช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงระบบประสาทและสมอง โดยแต่ละตัวจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป หากใครที่กำลังสนใจอยากลองรับประทานวิตามินบีรวม วันนี้โว้กบิวตี้เลยขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับวิตามินบีรวมให้มากขึ้น พร้อมวิธีการรับประทานที่ช่วยให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
ในวิตามินบีรวม 1 เม็ดประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
โดยส่วนใหญ่แล้วในวิตามินบีรวม 1 เม็ด จะประกอบไปด้วยวิตามินบีอย่างน้อย 3 ชนิด หรือในบางยี่ห้ออาจมีวิตามินบีรวมถึง 8 ชนิด โดยแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติในการบำรุงร่างกายต่างกันไป ดังนี้
1 / 8
วิตามินบี 1 (Vitamin B1)
วิตามินบี 1 หรือไทอามีน (Thiamine) ช่วยให้สมองและระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย สามารถพบได้มากในอาหารประเภท เนื้อหมู นมถั่วเหลือง ข้าวสาลี ธัญพืช เมล็ดทานตะวัน ถั่ว งา เป็นต้น
2 / 8
วิตามินบี2 (Vitamin B2)
วิตามินบี 2 หรือ ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) มีคุณสมบัติหลักๆ ในการสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย พร้อมช่วยลดอาการปวดไมเกรน และมีประโยชน์ต่อระบบการย่อยอาหาร โดยสามารถพบได้จากไข่ไก่ เนื้อวัว เครื่องในสัตว์ เห็ด ผักใบเขียวอย่างบร็อกโคลีและผักโขม เป็นต้น
3 / 8
วิตามินบี 3 (Vitamin B3)
วิตามินบี 3 หรือไนอะซิน (Niacin) มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลออาการเสื่อมของร่างกาย ช่วยเสริมการทำงานของสมองให้ดีขึ้นโดยสามารถพบได้มากใน ถั่วลิสง เนื้อไก่ ข้าวกล้อง ตับ ปลาแซลมอนและปลาทูน่า
4 / 8
วิตามินบี 5 (Vitamin B5)
วิตามินบี 5 หรือ กรดแพนโทเทนิก (Pantothenic Acid) มีส่วนสำคัญในการกระบวนการย่อยอาหาร พร้อมทั้งยังช่วยสร้างและสลายไขมัน นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการบำรุงผิว ผม และเล็บ อาหารที่พบได้บ่อย ได้แก่ ข้าวกล้อง เห็ด มันฝรั่ง เมล็ดทานตะวัน บร็อกโคลี อาหารทะเล เครื่องใน ไข่ นม โยเกิร์ต
5 / 8
วิตามินบี 6 (Vitamin B6)
วิตามินบี 6 หรือ ไพริดอกซีน (Pyridoxine) ช่วยกระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิซึมในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น และช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ อาหารที่พบวิตามินบี 6 ได้มากที่สุด คือ มันฝรั่ง อกไก่เครื่องใน กล้วย และถั่ว
6 / 8
วิตามินบี 7 (Vitamin B7)
วิตามินบี 7 หรือ ไบโอติน (Biotin) ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงเล็บ ผม ผิวหนัง ดวงตา รวมถึงสมอง นิยมนำมาเป็นส่วนผสมหลักในแชมพูหรือทรีตเมนต์บำรุงผม โดยสามารถพบได้มากจากไข่แดง ตับ ตระกูลถั่ว ทั้งถั่วลิสง อัลมอนด์ ถั่วเหลือง กล้วย เป็นต้น
7 / 8
วิตามินบี 9 (Vitamin B9)
วิตามินบี 9 หรือ โฟเลต (Folate) เป็นสารอาหารที่ขาดไม่ได้ และมีความสำคัญกับร่างกายมากกว่าที่คิด โดยสามารถช่วยเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี ช่วยลดความเหนื่อยล้าจากภาวะโลหิตจาง นอกจากนี้สำหรับผู้ตั้งครรภ์แล้ว โฟเลตหรือวิตามินบี 9 เป็นสารอาหารสำคัญมากที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์ โดยสามารถพบได้มากในอาหารประเภท ไข่ ตับ ถั่ว กล้วย อะโวคาโด และผักใบเขียว ไม่ว่าจะเป็นบร็อกโคลี หรือปวยเล้ง
8 / 8
วิตามินบี 12 (Vitamin B12)
ปิดท้ายด้วย วิตามินบี 12 หรือโคบาลามีน (Cobalamin) มีคุณสมบัติที่ช่วยดูแลร่างกายในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยบำรุงประสาท พร้อมปรับสมดุลทางอารมณ์ให้ดีขึ้น และช่วยชะลอโรคสมองเสื่อม สามารถพบได้มากในอาหารประเภทไข่ เนื้อสัตว์ ปลา ตับ นม โยเกิร์ต ชีส
วิตามินบีรวมรับประทานอย่างไร
การรับประทานวิตามินบีรวมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือการรับประทานหลังมื้ออาหารเพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้ดีที่สุด อีกทั้งหากใครที่มีปัญหาเรื่องสิว หรือต้องการดูแลเรื่องผิวเป็นพิเศษ สามารถรับประทานควบคู่ไปกับวิตามินซีได้ สองวิตามินนี้จะทำงานได้ดีขึ้นหากรับประทานร่วมกัน โดยกินพร้อมกันหลังมื้ออาหารเช้าและเย็น มื้ออย่างละเม็ด หรือปรึกษากับเภสัชโดยเฉพาะเพื่อรับคำแนะนำในการรับประทานวิตามินบีที่ตอบโจทย์และเหมาะสมกับร่างกายมากที่สุด
โดยสรุปแล้ววิตามินบีทุกๆ ตัวเมื่อมารวมกันจะมีคุณสมบัติเด่นที่ช่วยในเรื่องการบำรุงระบบประสาทและสมองให้ทำงานได้ดีขึ้น ถือเป็นอีกสารอาหารสำคัญต่อร่างกายไม่น้อย นอกจากนี้ในวิตามินบีบางชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป เช่น วิตามินบี 7 หรือไบโอตินที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงเล็บ ผม และผิวหนัง หรือจะเป็นวิตามินบี 9 หรือโฟเลต ที่ช่วยในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ดังนั้นการนำวิตามินบีมารวมไว้ในเม็ดเดียวจะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินครบถ้วนและเพียงพอในแต่ละวันนั่นเอง
WELLNESS
ทำความรู้จักวิตามินหลากชนิดที่มีคุณสมบัติในการลดสิว พร้อมบำรุงผิวให้เนียนใส
